25 May, 2007

Game…เรื่องเล่นๆที่ไม่ใช่เล่น (ตอนที่ 1)

















เมื่อพูดถึงวิดีโอเกมส์หลายปีก่อนหน้านี้ คนทั่วไปมักจะมองภาพพจน์ไปในทางที่ไม่ค่อยจะดีว่าเป็นเรื่องของเด็กๆที่มักจะหมกมุ่นเล่นกันจนลืมวันเวลา ปิดตัวเองออกจากโลกภายนอก ทำให้ภาพของเกมส์ดูออกจะเป็นแนวลบเสียมากกว่า และส่วนนักการตลาดนั้นยังมีอีกหลายคนที่ยังมองว่าอุตสาหกรรมเกมส์นั้นเป็นตลาดสำหรับกลุ่มเฉพาะยังไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด
แต่สำหรับในวันนี้แล้วความคิดต่างๆที่มีต่อเกมส์สำหรับผมเองนั้นได้เปลี่ยนไปเมื่อได้ทราบข้อมูลที่เพื่อนร่วมงานในต่างประเทศของผมคนหนึ่งได้นำมาให้ผมดู
เขาถามผมง่ายๆว่า ลองเดาดูซิว่ามูลค่าตลาดทั่วโลกของเกมส์นั้น เมื่อเทียบกับตลาดของภาพยนต์ ตลาดเพลง และตลาดของวิดีโอ อะไรจะใหญ่กว่ากัน ผมนั่งคิดอยู่สักพักและเดาว่าน่าจะเป็นตลาดของภาพยนต์มั้ง
ผิดครับ…เพื่อนผมเลยเผยเอาตัวเลขประมาณการมาให้ดูว่าจริงๆแล้วตลาดภาพยนต์ที่ผมว่าใหญ่นั้นแม้ว่าจะมีมูลค่าถึง หมื่นล้านเหรียญก็ตาม ยังไงก็ยังน้อยกว่ามูลค่าของตลาดเพลงที่มีมูลค่าหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และตลาดของวิดีโอที่มีมูลค่าสองหมื่นล้านเหรียญ ใช่แล้วครับ…เกมส์ มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ถึงสองหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดความบันเทิงอื่นๆอย่างเช่นเพลงกลับจะมีมูลค่าลดน้อยลงไปเรื่อยๆครับ
ทีนี้เราลองมาดูเจ้าตลาดความบันเทิงในบ้านอย่าง Sony ซึ่งมีบริษัทเพลงเป็นของตัวเองด้วยนั้น Sony มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายอย่างตั้งแต่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอล ทีวีพลาสม่า เครื่องเล่น MP3 CD Walkman โทรศัพท์มือถือ จนถึง Playstation ลองมาเดาดูกันซิว่าสินค้าตัวไหนของเขาทำเงินมากที่สุด… เชื่อหรือไม่ครับ Playstation กลับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำเงินมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพียงมากกว่าหมวดสินค้าใดหมวดหนึ่งนะครับ และต่อให้เอาหมวดสินค้าอื่นของ Sony มารวมกันทั้งหมดก็ยังสู้ยอดขายของ Playstation อย่างเดียวไม่ได้ เป็นไงละครับ เป็นอะไรที่น่าทึ่งจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ทำให้ผมได้อึ้งอีกครับ หลายท่านคงจะรู้จักหนังเรื่อง Spiderman กันเป็นอย่างดี ซึ่งกำลังจะฉายภาค 3 อยู่ในบ้านเรา เป็นที่ทราบกันดีว่าหนังเรื่องนี้ในภาคที่แล้วนั้นทำเงินถล่มทลายมากมายขนาดไหน แต่เชื่อหรือไม่ครับว่ารายได้ในวันเปิดตัวหนังวันแรกของภาคสองนั้นสามารถทำได้ถึง 40 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากการขายวันแรกที่เปิดตัวเกมส์แอคชั่นที่ชื่อว่า Halo 2 ซึ่งสามารถทำรายได้ในวันนั้นถึง 100 ล้านเหรียญ
ถ้าจะว่ากันไปแล้วตลาดโดยรวมของเกมส์นั้นสามารถขายได้มากกว่าหนังฮอลลีวู้ดถึง 2.5 เท่า จึงไม่แปลกครับที่เราจะเห็นภาพยนต์หลายๆเรื่องสร้างจากเกมส์ยอดฮิตทั้งหลาย อย่างเช่น Final Fantasy, Tomb Raider, Resident Evil ฯลฯ เนื่องจากว่ามีกลุ่มที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของเกมส์นั้นอยู่แล้ว
และที่สำคัญที่เราเคยคิดกันว่าคนเล่นเกมส์นั้นคงจะมีแต่เด็กๆหรือวัยรุ่นชายที่เอาแต่นั่งๆนอนๆอยู่หน้าจอ ก็คงต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ครับ กลุ่มเหล่านี้ไม่ค่อยมีแล้วนะครับสำหรับนักเล่นเกมส์ในปัจจุบัน และจากสถิติที่ได้จากการสำรวจในต่างประเทศนั้นพบว่ากลุ่มผู้เล่นเกมส์เป็นกลุ่มที่มีคุณภาพที่ส่วนใหญ่อายุอยู่ในช่วง 24 – 35 ปี มีทั้งหญิงและชายขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทของเกมส์ครับ และที่สำคัญตลาดของเกมส์ได้เปลี่ยนไปสู่ตลาดที่เป็น mainstream แล้วละครับเป็นไงครับ เรื่องเล่นๆที่ไม่ใช่เล่นของเกมส์ ที่ผมเชื่อว่าคงจะทำให้หลายๆคนคงต้องเปลี่ยนความคิดความเชื่อไปจากเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดและคนทำโฆษณาว่าจะทำอะไรกับเกมส์ได้บ้างนั้น ไว้โอกาสหน้าผมจะนำตัวอย่างที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังครับ