11 February, 2007

Takes the catwalk to the sidewalk


เป็นข่าวฮือฮามาได้สักระยะหนึ่งแล้วครับ ที่นักร้องดังอย่างมาดอนน่ากำลังจะออกคอลเลชั่นเสื้อผ้าแฟชั่นร่วมกับยักษ์ใหญ่อย่าง H&M ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนมีนาคมนี้แฟนๆที่เฝ้ารอคงจะได้เห็นกันเสียทีสำหรับคอลเลชั่นที่มีชื่อว่า ‘M by Madonna’ หลังจากที่ H&M ประสบความสำเร็จในหลายปีที่ผ่านมาด้วยการเชิญดีไซน์เนอร์ดังๆหลายต่อหลายคนหลายคน มาร่วมออกแบบคอลเลชั่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัดประเภทหมดแล้วหมดเลย ทำให้ผมอยากรู้ว่า H&M มีแรงดึงดูดอะไรที่ทำให้ดีไซน์เนอร์เหล่านั้นยอมทำในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้กับเขา
เริ่มต้นเป็นข่าวครึกโครมตั้งแต่ปี 2004 เมื่อดีไซน์เนอร์ระดับ haute couture ของวงการแฟชั่นอย่าง Karl Lagerfeld มาร่วมออกแบบให้สำหรับเสื้อผ้าของ H&M โดย Karl กล่าวว่าเป็นการทำงานในแบบใหม่ที่เขายังไม่เคยทำมาก่อน ในการนำแฟชั่นระดับสูงมาใช้กับเสื้อผ้าในระดับมวลชน และด้วยเหตุที่เขามักจะถามทีมทำงานของเขาบ่อยๆว่าใส่เสื้อผ้าอะไรอยู่ และพบว่าส่วนใหญ่จะใส่เสื้อผ้าของ H&M เลยทำให้เขาสนใจที่จะลองเข้าร่วมออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษในครั้งนั้น
ในปีถัดมา Stella McCartney ก็ได้สร้างสรรผลงานร่วมกับ H&M ว่ากันว่าทันทีที่ร้านเปิดขายคอลเลคชั่นนี้ในวันแรก ผู้คนแย่งซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้สินค้าหมดในทันทีภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง คงจะไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอนนะครับ แต่สำหรับใครที่อยากได้คอลเลคชั่นนี้ คงต้องลองเข้าไปหาดูที่ eBay นะครับ ผมยังพอเห็นมีคนเอามาขายกันอยู่บ้าง
กระแสความแรงของ H&M ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ต่อมาในปี 2006 Viktor & Rolf ดีไซน์เนอร์คู่ดูโอแนว Avant-Garde ชื่อดังชาวดัทช์ ก็ได้มาร่วมออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษให้กับ H&M อีกด้วย ออกจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมา ถ้าคุณโชคดีอาจจะยังพอหลงเหลือให้หาซื้อได้บ้าง แต่ไม่ใช่ทุกร้านของ H&M ที่จะมีคอลเลคชั่นพิเศษที่ว่านี้จำหน่าย เพราะเขาเลือกขายในบางสาขาเท่านั้นครับ คงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่า H&M นั้นมีดีอย่างไร
H&M เริ่มกิจการครั้งแรกที่ประเทศสวีเดนเมื่อปี 1947 ในชื่อ Hennes ซึ่งมีความหมายถึงสิ่งของสำหรับผู้หญิงในภาษาสวีเดน ร้านนี้ขายแต่เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงเท่านั้น ต่อมาได้เข้าซื้อกิจการของ Mauritz Widforss ซึ่งทำธุรกิจด้านอุปกรณ์ล่าสัตว์และเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย จึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อ Hennes & Mauritz และ H&M ในที่สุด
ก็ประมาณ 60 ปีเท่านั้นเองที่อยู่ในธุรกิจขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ประสบความสำเร็จด้วยแนวความคิดที่จะเสนอแฟชั่นที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพงสำหรับคนทั่วไป ปัจจุบัน H&M มีสาขากว่า 1,300 แห่ง ใน 24 ประเทศ มีดีไซน์เนอร์ที่เป็นของตัวเองกว่าร้อยคน นับว่าเป็นยักษ์ใหญ่รายหนึ่งเลยทีเดียว แต่เชื่อหรือไม่ H&M ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง แต่ใช้วิธีบริหารการจัดซื้อจากผู้ผลิตทั่วโลกไม่ผ่านคนกลาง สั่งซื้อในจำนวนมาก ควบคุมต้นทุนในทุกกระบวนการ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในเรื่องของราคาในขณะที่คุณภาพยังคงอยู่ในระดับสูง มีการสั่งซื้อสินค้าที่เป็นเทรนด์เข้ามาใหม่อยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ทุกร้านของ H&M จะเป็นการเช่าทั้งหมดและเลือกที่จะอยู่ในทำเลเดียวกันกับแหล่งแบรนด์ดังๆทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างชัดเจน เช่น จะไม่ซื้อสินค้าที่มาจากผู้ผลิตที่โรงงานสร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมหรือที่มีการเอาเปรียบด้านแรงงาน ไม่ขายสินค้าที่ทำมาจากเฟอร์ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดที่ทำมานี้ ก็เพื่อให้ได้บรรลุตามแนวความคิดที่ตั้งใจไว้
สิ่งต่างๆเหล่านั้นทำให้คนมอง H&M เป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรและเสนอของคุณภาพดีในราคาเหมาะสำหรับทุกคน และการที่มีดีไซน์เนอร์ดังๆมาร่วมออกแบบเสื้อผ้าสำหรับคนทั่วๆไปนั้นถือได้ว่าเป็นการสร้างนวตกรรมที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์แฟชั่นที่มีอายุกว่า 60 ปี
ทุกคนที่มาซื้อคอลเลคชั่นพิเศษของ H&M นั้น ไม่ได้มาซื้อเพราะว่าราคาถูกหรือเพราะว่าวัสดุที่พิเศษอะไร ซึ่งในความจริงแล้วคอลเลคชั่นพิเศษเหล่านั้นราคาก็ไม่ได้ถูกและวัสดุก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากสินค้าปรกติของ H&M เท่าไหร่เลย แต่เป็นเพราะว่าทุกคนอยากได้ประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสและเป็นเจ้าของผลงานจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังเหล่านั้นได้จริง ซึ่งปรกติแล้วเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนทั่วไป เป็นการสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงงานแฟชั่น ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในแวดวงไฮโซเท่านั้น
น่าเสียดายที่ H&M ยังไม่เข้ามาเปิดกิจการในบ้านเรา แต่ได้ข่าวว่ากำลังจะมาเปิดในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เราในเร็วๆนี้ คาดว่าจะเป็นที่แรกในเอเซีย และหวังว่าในอนาคตเขาคงจะมีอะไรใหม่ๆให้เราได้ฮือฮากันอีกนะครับ

No comments :